โรเจอร์ กูเดลล์ คอมมิสชันเนอร์ลีกเอ็นเอฟแอลเปิดเผยถึงความเป็นไปได้ของตารางแข่งขันช่วงฤดูกาลปกติจะเพิ่มขึ้นเป็น 18 เกมในอนาคตและโอกาสของภาคเอกชนในการเข้ามาเป็นเจ้าของทีม ในการประชุม Spring League Meeting ที่เมืองแนชวิลล์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตามรายงานจากเอ็นเอฟแอลเน็ตเวิร์ค
ฤดูกาลปกติที่มีการแข่งขัน 18 เกมกลายเป็นหัวข้อสนทนาหลัง กูเดลล์ เคยเสนอโปรเจ็กท์ดังกล่าวในรายการ The Pat McAfee Show เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 17 เกมในช่วงฤดูกาลปกติ โดยมีเกมอุ่นเครื่อง 2 เกมในช่วงปรีซีซั่น และเกม ซูเปอร์ โบวล์ ที่กำหนดไว้ในช่วงสุดสัปดาห์ของระหว่าง President's Dayคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
กูเดลล์ เผยว่าปัจจัยที่ลีกพิจารณาเกี่ยวกับตารางแข่งขัน 18 เกม ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาคมผู้เล่นเอ็นเอฟแอล โดยคำนึงถึงสุขภาพของผู้เล่นและคุณภาพของเกม
'สิ่งสำคัญสำหรับเราคือการดูให้แน่ใจว่าเราจะทำสิ่งที่ทำให้เกมของเราปลอดภัยยิ่งขึ้นต่อไป' กูเดลล์ กล่าว '17 เกมเป็นฤดูกาลที่ยาวนาน ดังนั้นเราต้องการทำให้แน่ใจว่าเราจะพิจารณาสิ่งนั้น และทำให้แน่ใจว่าเราจะดำเนินการด้านความปลอดภัยต่อไป'
'การทำงานกับสมาคมผู้เล่นของเราคืออันดับ 2 เราจะบรรลุข้อตกลงกับพวกเขา หากเราจะดำเนินการต่อ แต่ประการที่สามและสิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องตามลำดับคือคุณภาพของเกมของเรา เราจะทำในบริบทของการลดจำนวนเกมช่วงปรีซีซั่น เราคิดว่านั่นเป็นการแลกเปลี่ยนที่ดี'
'เกมปรีซีซั่นที่น้อยลงและเกมซีซั่นปกติมากขึ้น ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่จะคิดว่ามันเป็นประโยชน์ แต่อีกครั้ง สองปัจจัยนั้นมีความสำคัญ'คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ส่วนประเด็นเรื่องการอนุญาตให้ภาคเอกชนเข้าเป็นเจ้าของทีมในอนาคตเป็นอีกหัวข้อสำคัญที่มีการพูดคุยกันในระหว่างการประชุมที่เมืองแนชวิลล์ทั้ง 2 วัน ในขณะที่บรรดาเจ้าของทีมไม่ได้โหวตเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ กูเดลล์ คาดว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นภายในช่วงสิ้นปีนี้
'เรากำลังมีความคิดและรอบคอบมากขึ้น' กูเดลล์ กล่าว 'คณะกรรมการ (การเงิน) กำลังทำงานอย่างหนัก เรามีความสนใจอย่างมากในพื้นที่หุ้นเอกชน เรากำลังสร้างความก้าวหน้าอย่างแท้จริงในด้านหุ้นเอกชนที่มีศักยภาพ เราจะตั้งใจทำกันต่อไป แต่ผมคาดว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้'
การอนุญาตให้ภาคเอกชนเข้ามาเป็นเจ้าของทีมเอ็นเอฟแอลมีความโดดเด่นมากขึ้น เนื่องจากมูลค่าของแฟรนไชส์เอ็นเอฟแอลเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อดูจากตัวเลขล่าสุดที่ วอชิงตัน คอมแมนเดอร์ส ขายแฟรนไชส์ด้วยมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.05 พันล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นจากตอนที่ เดนเวอร์ บร็องโก้ส์ ขายทีมในปี 2022 ที่ 4.65 พันล้านเหรียญสหรัฐเกือบ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ